โบรกเกอร์ มีไว้ทำอะไร

ก่อนที่จะลงทุน การได้รับคำปรึกษาจากบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการลงทุนก็มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับนักเทรดมือใหม่ โบรกเกอร์จึงมีหน้าที่คอบช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ คำปรึกษา หรือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของลูกค้า ทั้งในแง่ของลูกค้ารายย่อยและรายใหญ่

หน้าที่ของโบรกเกอร์

โบรกเกอร์ (Broker) คือ ตัวกลางระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น หุ้น หรือตราสารทางการเงินอื่นๆ โดยมีบทบาทเป็นสื่อกลางระหว่างผู้ลงทุนและตลาดหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด จะได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นบริษัทสมาชิกของหลักทรัพย์ฯ



ประเภทของโบรกเกอร์

โบรกเกอร์นั้นสามารถแบ่งได้หลายประเภท แต่จะมี 4 ประเภทที่เป็นที่นิยมในไทย ดังนี้

โบรกเกอร์หุ้น (Stock Broker) หรือนายหน้าซื้อขายหุ้น คือ บุคคลหรือบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างนักลงทุนและตลาดหลักทรัพย์ ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นและหลักทรัพย์อื่นๆ ได้อย่างสะดวก โบรกเกอร์จะได้รับค่าธรรมเนียมหรือค่าคอมมิชชั่นจากการทำธุรกรรมเหล่านี้

โบรกเกอร์ Forex คือ บริษัทหรือสถาบันทางการเงินที่ทำหน้าที่ให้บริการนักลงทุนในการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Exchange หรือ Forex) ทำให้นักลงทุนซื้อขายสกุลเงินต่าง ๆ ได้ ในรูปแบบของคู่เงิน (Currency Pair) เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, และอื่นๆ

โบรกเกอร์บริการเต็มรูปแบบ (Full-service broker) คือ บริษัทหรือบุคคลที่ให้บริการด้านการซื้อขายหลักทรัพย์และการลงทุนที่ครอบคลุม จะมีบริการให้คำแนะนำการลงทุน มีการวิจัยตลาดให้ลูกค้า ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อให้คำแนะนำและบริการที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งบริการนี้มักจะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่าบริการของโบรกเกอร์ที่มีบริการจำกัด เนื่องด้วยต้องมีค่าใช้จ่ายจ้างผู้ดูแลที่มีความรู้ด้านการลงทุน

โบรกเกอร์ที่คิดค่าธรรมเนียมในราคาประหยัด (Discount broker) คือ บริษัทนายหน้าที่ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าโบรกเกอร์แบบบริการเต็มรูปแบบ (Full-Service Broker) มีการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นอิสระมากกว่า เน้นการให้บริการซื้อขายเป็นหลัก ลูกค้าสามารถวิจัยตลาดและวางแผนการเงินของตัวเองได้ โดยการปล่อยให้ลูกค้าจัดการคำสั่งซื้อขายด้วยตัวเอง และยังมีข้อดีตรงที่เงินฝากเริ่มต้นต่ำ หรือใช้เครื่องมือการเรียนรู้ฟรี

วิธีการเลือกโบรกเกอร์

- ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียม ควรตรวจสอบให้ถี่ถ้วนว่าไม่ได้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
- ประเภทสินทรัพย์ โบรกเกอร์แต่ละแห่งมีสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนแตกต่างกัน ยิ่งถ้าโบรกเกอร์มีสินทรัพย์ทางการเงินที่หลากหลาย จะช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่ต่างกัน
- ความน่าเชื่อถือ ต้องได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ศึกษาประวัติและข้อมูลความมั่นคงของบริษัท ต้องมีความซื่อสัตย์และเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดรวมถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า ระบบการซื้อขายมีความปลอดภัย
- ความรู้ การเลือกโบรกเกอร์ที่มีคอร์สเรียนฟรี คู่มือการใช้งาน เวิร์กช็อปออนไลน์ วิดีโอสอนเทรด รวมถึงอภิธานศัพท์ ถือเป็นทางเลือกที่ดี
- บัญชีทดลอง การเทรดผ่านบัญชีทดลองเป็นวิธีหนึ่งในการสะสมประสบการณ์โดยไม่มีความเสี่ยง และไม่ต้องใช้เงินฝากเริ่มต้น
- บริการหลังการขาย การให้บริการคำแนะนำหรือคำปรึกษา มีทีมสนับสนุนที่พร้อมตอบสนองโดยเร็ว มีระบบรายงานการลงทุน